การทำน้ำหมักชีวภาพ
จากเศษปลา
การทำน้ำหมักชีวภาพ จากเศษปลา
วันนี้ผมจะมาแนะนำการทำน้ำหมักชีวภาพ เพื่อทำให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่ใช้ในการเกษตรครับ
โดยวัตถุดิบก็ได้แก่ เศษอาหาร เศษปลา ก้าง เครื่องใน
หรือแม้กระทั่งหอยเชอรี่ก็ได้ครับ แต่ที่จะสาธิตนี้ผมจะใช้เป็นปลาล้วน ๆ
เพราะอยู่ใกล้แหล่งจึงสะดวกหน่อยครับ
อย่างที่ทราบกันดีว่าปลานั้นเป็นแหล่งแคลเซียมอย่างดี พอนำไปหมักซักพัก ตัวปลา
ก้าง เครื่องใน จะเริ่มย่อยสลาย
เราก็จะได้น้ำหมักชีวภาพไปใช้ในการเป็นอาหารพืชได้อย่างดีครับ
ส่วนวัตถุดิบของการทำน้ำหมักชีวภาพมีดังนี้ครับ
1.
เศษปลา
12 กิโลกรัม (ปลาสด หรือเศษอาหารแล้วแต่จะหาได้)
2.
กากน้ำตาล 8
กิโลกรัม
3.
น้ำ EM 2 ลิตร
4.
ถังขนาด
30 ลิตรแบบมีฝาปิด
กระชอน (ใช้เพื่อจะตักเศษปลาออกตอนหมักครบระยะเวลา)
ระยะเวลาหมักใช้เวลา 2 เดือน
เคล็ดลับ ผมจะทำปุ๋ยหมักชีวภาพ 20 ลิตร
และจะใช้กากน้ำตาล 40 % ของน้ำหนักรวม ซึ่งจะต้องใช้กากน้ำตาล 8 กิโลกรัม
ถ้าเศษปลามากก็เพิ่มกากน้ำตาลและน้ำ EM ตามสัดส่วนครับ
ขั้นตอนที่ 1 เตรียมเศษปลาที่หามาได้
และถังให้พร้อม
ขั้นตอนที่ 2 ตั้งถังให้พร้อม เพราะเมื่อเราหมักเสร็จถังจะหนักมาก
ทำให้เคลื่อนย้ายลำบาก
ขั้นตอนที่ 3 เตรียมกากน้ำตาล 8
กิโลกรัม (ผมใช้วิธีเทใส่ถังแล้วชั่งเอา โดย 1 ลิตร = 1 กิโลกรัม)
ขั้นตอนที่ 4 น้ำหมัก EM 2 ลิตร
ขั้นตอนที่ 5 เท EM ลงกะละมังที่เเตรียมไว้
ขั้นตอนที่ 6 เทกากน้ำตาลลงตาม
พร้อมกับใช้ไม้คนให้กากน้ำตาลละลาย
ขั้นตอนที่ 7 นำเศษปลาที่ได้มาใส่ถัง
ขั้นตอนที่ 8 เท EM และกากน้ำตาลที่เตรียมไว้ลงตาม
ขั้นตอนที่ 9 คนให้เข้ากัน
สังเกตจะสีที่เปลี่ยนเกิดจากกากน้ำตาลที่มีสีค่อนข้างแดง
ขั้นตอนที่ 10 ปิดฝาให้สนิท
เคล็ดลับการหมักควรเหลือพื้นที่ประมาณ
30% ของถังไว้
เพราะเมื่อหมักจะเกิดแก๊สและดันเศษปลาขึ้นมา ถ้าไม่มีพื้นที่เหลือล่ะก็….. งานเข้าครับ 555 พอดีตอนผมหมัก ผมก็ยังไม่รู้
มีเท่าไร่ ใส่ให้เต็ม ผ่านไปประมาณ 1 วันก็กลับมาดูครับ
ปรากฎว่ามันเกิดแก๊สขึ้นมาก และดันฝาถังอย่างรุนแรง โชคดีที่เปิดฝาทัน แล้วย้ายส่วนที่ล้นออกมาใส่ถังใหม่
ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมาคงไม่มีใครบาดเจ็บครับ แต่จะตายก่อน เพราะกลิ่นมันนี่แหละ ฮ่า
ๆๆ แหม…. เหมือนมีระเบิดเวลาตั้งอยู่ใกล้ ๆ ถึง 3
ลูกแหนะ
ต้องเปิดฝาแล้วคนให้เข้ากันสัปดาห์ละครั้งนะครับ
ระหว่างหมักจะมีแก๊สค่อนข้างมาก ควรเปิดเพื่อฝาระบายแก๊สออกบ้าง
สัปดาห์ที่ 1 ผ่านไป
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 1 ความคิดไว้ตอนแรกน่าจะเหม็น
แต่ผิดคาดครับ กลิ่นประมาณว่าเหม็นบวกกับหอมกากน้ำตาลเท่า ๆ กัน เลยพอทนได้
ที่กลิ่นไม่แรงน่าจะเป็นเพระกากน้ำตาลช่วยครับ
ระหว่างคนก็เกิดแก๊สผุดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ตัวปลาก็ยังไม่เปื่อยเท่าไร่เลย
เดี่ยวอาทิตย์ที่ 2 ต้องเปิดมาเพื่อคนอีกรอบครับ
สัปดาห์ที่ 2 ผ่านไป
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 เปิดออกมาเพื่อคนให้เข้ากันอีกครั้ง
ตอนนี้กลิ่นไม่แรงเท่าไร่ครับ กลิ่นนิ่งมาก ตัวเนื้อปลาเราย่อยแล้วครับ เหลือหัว
พุง และก้าง ตอนเปิดดูเหมือนไม่มีน้ำครับ แต่พอกวนดูซักพักนึง
จะเห็นระดับน้ำเกือบเต็มครับ
สัปดาห์ที่ 3 ผ่านไป
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 3
ถึงสัปดาห์นี้เปิดมาเพื่อกวนอีกรอบครับ รอบนี้ส่วนผสมต่าง ๆ เริ่มยุบแล้ว
จากที่ใช้ไม้กวนซักระยะหนึ่งส่วนผสมเริ่มเข้ากันได้ดี และเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น
ส่วนกลิ่นนั้นบอกได้เลยว่า เป็นกลิ่นกากน้ำตาลหอม ๆ ครับ ไม่เหม็นแล้ว เอ้า……ถ้าไม่เชื่อว่าหอม
ผมลองดมให้ดูเลย ตามภาพด้านล่างครับ (ฮา)
สัปดาห์ที่
4 ผ่านไป
เข้าสู่สัปดาห์ที่
4 ตอนนี้ตัดปัญหาเรื่องกลิ่นออกได้แล้ว
ส่วนหัวปลายังเป็นชิ้น ๆ อยู่ พุงย่อยสลายเกือบหมด
ใช้ไม้กวนแล้วเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น
ส่วนที่เป็นน้ำหมักเริ่มเยอะขึ้นมากกว่าส่วนของปลา
สัปดาห์ที่
5 ผ่านไป
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 เปิดถังมาเห็นหัวปลาที่ลอยอยู่
ใช้ไม้กวนดูรู้สืกว่าจะเป็นเนื้อเนียน ๆ เข้ากันหมดแล้ว ส่วนที่ยังไม่ย่อยก็ได้แก่
ก้างปลาและหัวปลาใหญ่ครับ
สัปดาห์ที่
6 ผ่านไป
เข้าสู่สัปดาห์ที่
6 ส่วนมากตอนนี้ยอยสลายมากแล้ว จะเห็นได้ว่าตอนเปิดถังใหม่ ๆ
น้ำอีเอ็มเริ่มปริ่ม ๆ แล้ว ส่วนพุงปลาและหัวปลาเล็กย่อยสลายเกือบหมด
ใช้ไม่กวนดูถือว่ากวนได้ง่าย ส่วนที่ยังไม่ย่อยสลายคือหัวปลาตัวใหญและก้างปลา
สัปดาห์ที่
7 ผ่านไป
เข้าสู่สัปดาห์ที่
7 ใกล้ครบ 2 เดือนแล้ว
เปิดมาสภาพเหมือนถังบรรจุน้ำ แทบจะมองไม่เห็นหัวปลาเลย มีฟองผุด ๆ
ขึ้นนิดหน่อยซึ่งเป็นการเกิดก๊าซระหว่างหมัก ใช้ไม้กวนดูรู้สึกว่ากวนง่ายมาก
ลองใช้ไม้บีบหัวปลาติดกับข้างถังก็แตกโดยง่าย
ส่วนที่เหลือยังไม่ย่อยก็เป็นพวกก้างปลาใหญ่ หลังจากนี้รออีก 1 อาทิตย์ก็จะครบ 2 เดือนพอดีครับ
สัปดาห์ที่
8 ครบ 2 เดือนพอดี
เข้าสู่สัปดาห์ที่ 8 ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว
ทั้งกลิ่นทั้งปลาแทบจะละลายหายเกลี้ยงหมดตามภาพด้านล่าง หลังจากนี้รออีกสักพักก็สามารถกรองเอานี้ไปทำปุ๋ยแก่พืชได้แล้วครับ
ถึงเวลากรอง
ผ่านมาประมาณ 2 เดือนนิด ๆ เป็นใช้ได้
โดยใช้ไม่กวนให้เข้ากันอีกครั้ง
ใช้ภาชนะตักตัวปุ๋ยลงถังกรอง
หาถังมาพร้อมกรองด้วยผ้าขาวบาง
ตอนนี้อาจใส่ถุงมือยางกวนบนผ้าเพื่อให้น้ำปุ๋ยไหลเร็วขึ้น
ส่วนกากให้ตักออกไปผสมดินเป็นปุ๋ยให้พืชได้อีกทางหนึ่ง
เสร็จแล้วตักบรรจุใส่กระติกหรือขวดก็สามารถนำไปใช้ได้แล้วครับ
หน้าที่ของจุลินทรีย์ EM จะทำการย่อยสลายเศษปลา
ส่วนกากน้ำตาลจะเป็นอาหารของจุลินทรีย์ EM และทำให้จุลินทรีย์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
เพื่อที่จะย่อยสลายได้เร็วขึ้น
วิธีใช้
เนื่องจากตัวปุ๋ยมีความเข้มข้นสูง
จึงต้องนำมาเจือจางกับน้ำก่อนนำไปใช้ฉีด พ่น รดต้นพืช โดยมีการเจือจาง 500 เท่า
ปุ๋ยน้ำ
2 ซีซี
: น้ำเปล่า 1 ลิตร
ฉีดพ่นหรือผสมน้ำรดพืชผัก
เดือนละ 2-3 ครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น